Skip to main content

ชื่อบทความ: ท่าทีของรัฐและชนชั้นนำไทยต่อสถานการณ์ในทิเบตช่วงทศวรรษ 1950-1970

ผู้เขียน: ธนกร การิสุข (นักศึกษาปริญญาตรีชั้นปีที่ 3 ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่)

บทคัดย่อ

บทความนี้มุ่งศึกษาท่าทีของรัฐและชนชั้นนำไทยต่อสถานการณ์ในทิเบต ซึ่งถูกกองทัพปลดปล่อยประชาชนของจีนโจมตีและเข้ายึดครองในช่วงทศวรรษ 1950 พร้อมทั้งวิพากษ์ความเปลี่ยนแปลงของท่าทีดังกล่าวที่มีมาจนถึงปัจจุบัน การศึกษานี้พบว่า รัฐและชนชั้นนำไทยเริ่มให้ความสนใจต่อทิเบตตั้งแต่ถูกจีนเข้าโจมตีครั้งแรกในปี 1950 โดยมีบทบาทในการพิจารณาที่จะรับเป็นสถานที่ลี้ภัยของทะไลลามะจากข้อเสนอของสหรัฐอเมริกา ต่อมาท่าทีของรัฐและชนชั้นนำไทยต่อทิเบตเริ่มเด่นชัดมากขึ้นเมื่อมีการลุกฮือของชาวทิเบตเพื่อต่อต้านจีนในปี 1959 มีการนำเสนอข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ในทิเบตผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ของทางราชการ และใช้กรณีทิเบตในการโฆษณาชวนเชื่อเพื่อแสดงให้เห็นถึงภัยของคอมมิวนิสต์ พร้อมกันนี้รัฐและชนชั้นนำไทยยังมีท่าทีเห็นอกเห็นใจชาวทิเบตซึ่งถูกคอมมิวนิสต์โจมตีและเลือกที่จะสนับสนุนทิเบตในหลายด้าน ทั้งการเป็นฐานทัพสำหรับปฏิบัติการลับของสหรัฐอเมริกาในการช่วยเหลือชาวทิเบต การกล่าวถึงปัญหาของทิเบตในที่ประชุมสหประชาชาติ การระดมทุนเพื่อช่วยเหลือผู้ลี้ภัย กระทั่งอนุญาตและให้การต้อนรับทะไลลามะในการเยือนประเทศไทยในปี 1967 และ 1972 อย่างไรก็ดีปัจจุบันนี้รัฐและชนชั้นนำไทยกลับมีท่าทีที่ห่างเหินไปจากผู้ลี้ภัยชาวทิเบตและทะไลลามะ ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายของรัฐที่เปลี่ยนแปลงไปหลังสงครามเย็น และอิทธิพลในหลายด้านของสาธารณรัฐประชาชนจีนต่อประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม้ชนชั้นนำไทยบางกลุ่มจะให้ความสำคัญต่อทิเบตซึ่งเกี่ยวพันกับบทบาทต่างๆ ของทะไลลามะ แต่รัฐและชนชั้นนำไทยโดยส่วนมากก็ไปให้ความสนใจต่อทิเบตในฐานะเขตปกครองตนเองของจีน มีการเลือกปฏิบัติต่อผู้ลี้ภัยชาวทิเบตในอินเดีย และการเลี่ยงที่จะกล่าวถึงทิเบตในทางการเมืองซึ่งจะทำให้รัฐบาลจีนไม่พอใจ

คำสำคัญ: ทิเบต, ทะไลลามะ, จีน, สงครามเย็น, รัฐและชนชั้นนำไทย

วิธีการอ้างอิง: ธนกร การิสุข. "ท่าทีของรัฐและชนชั้นนำไทยต่อสถานการณ์ในทิเบตช่วงทศวรรษ 1950-1970." วารสารประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระดับปริญญาตรี 2, ฉ.1 (มกราคม-กรกฎาคม 2567): 88-115.

เผยแพร่ออนไลน์: 16 กรกฎาคม 2567 

Attachment Size
04_tibet_0.pdf (521.74 KB) 521.74 KB